ประเพณีแห่ดาว เทศกาลคริสต์มาส
























          ประเพณีแห่ดาว เทศกาลคริสต์มาส


ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของทุกปี เกือบทั้งพื้นที่ของชุมชนจะเต็มไปด้วยดาวประดิษฐ์รูปแบบต่าง ๆ ฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่บ้านท่าแร่ที่จะนำไม้ไผ่มาเหลา ก่อนจะผูกมัดทับไขว้กันเป็นโครงไม้รูปดาวแล้วติดกระดาษแก้วหลากสีนำมาประดับวัด บ้านเรือน รวมไปถึงขบวนรถแห่ดาวซึ่งถือเป็นไฮไลท์ เพื่อสืบสานความเชื่อความศรัทธาอย่างมีสีสันตามแบบวิถีชุมชนชาวอีสาน
       
       การแห่ดาวเริ่มจัดครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1982 (พ.ศ. 2525) เพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า ตามตำนานที่เล่าว่า ในช่วงเวลาที่พระเยซูประสูตินั้น โหราจารย์ได้มองเห็นดาวลักษณะพิเศษดวงหนึ่งที่มีความสุกสว่างกว่าดาวทั่วไปปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงออกเดินทางตามแสงแห่งดวงดาว จนไปพบกับสถานที่ประสูติของพระเยซูเจ้าที่เมืองเบธเลเฮม ประเทศปาเลสไตน์ นับแต่นั้นมาชาวคริสต์จึงถือว่า “ดาว” คือสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซูเจ้า หรือที่ทั่วโลกรู้จักกันในนาม “Star of Bethlehem” แต่ก็ไม่มีชาติใดมีพิธีแห่ดาวเช่นที่จังหวัดสกลนครนี้ซึ่งจัดสืบเนื่องกันมายาวนานกว่า 30 ปี เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์นั้น 

หมู่บ้านท่าแร่เป็นชุมชนคาทอลิคเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี และถือว่าเป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนนับถือศาสนาคริสต์ เล่ากันว่า ในอดีตชาวท่าแร่เป็นคริสตศาสนิกชน อพยพมาจากเวียดนาม ที่ได้รับการปลดปล่อยจากการเกณฑ์แรงงานทาสและมีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผี ปอบ จำนวน 40 คน มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองสกลนคร โดยมีบาทหลวงเกโกมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสคอยดูแล เมื่อจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ทั้งมีปัญหากับเจ้าหน้าที่รัฐบางคน บาทหลวงเกโกจึงหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่ โดยจัดทำแพขนาดใหญ่ทำด้วยเรือเล็ก นำไม้ไผ่ผูกติดกัน ใช้ผ้าห่มและผืนผ้าขึงแทนใบ บรรทุกทั้งคนทั้งสัมภาระให้สายลมพัดพาไปในทิศที่พระเป็นเจ้าทรงประสงค์ ในที่สุดพวกเขาสามารถข้ามไปอีกฟากหนึ่งของหนองหานได้อย่างปลอดภัย ณ บริเวณที่เต็มไปด้วยป่าไม้ มีหินลูกรังอยู่ทั่วไป ซึ่งคนพื้นเมืองเรียก “หินแฮ่” จนต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อบ้านท่าแฮ่ หรือท่าแร่ในปัจจุบัน 

 นอกเหนือจากการชมดาวที่ประดับทั่วท่าแร่แล้ว ภายใน ต.ท่าแร่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้เที่ยวชมอย่างทิวทัศน์ของ “หนองหาน” (หนองหาร) ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่อันขึ้นชื่อของสกลนครที่มีอาณาเขตครอบคลุมมาถึง โดยเฉพาะช่วงเวลาอาทิตย์อัศดงก่อนจะลาลับขอบฟ้า รวมถึงความอลังการของ “โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล” โบสถ์ที่ใช้เป็นจุดสิ้นสุดของการแห่ดาว ซึ่งมีความสำคัญกับชาวท่าแร่ เพราะโบสถ์ขนาดใหญ่สีขาวรูปทรงคล้ายเรือนั้นสร้างไว้เพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้
  ไม่เพียงเท่านั้นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมเวียดนามอายุร่วม 100 ปีอันโดดเด่นของชาวท่าแร่กับผังเมืองรูปสี่เหลี่ยมตารางหมากรุกคล้ายกับบ้านเมืองในแถบประเทศตะวันตก ยังเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ ยังคงความคลาสสิกงดงามเรียงรายสองข้างทางในถนนสายหลักของหมู่บ้าน มีทั้งแบบเรือนเดียวชั้นเดียวพื้นติดดิน และแบบอาคารก่ออิฐสองชั้น ซึ่งในสมัยก่อนเรียกได้ว่าเป็นวัสดุที่มีมูลค่าสูงในการก่อสร้าง 

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น